การนวดที่ดี ควรรู้สึกเจ็บหรือไม่?
สำหรับมนุษย์พนักงานออฟฟิศทั้งหลาย อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แทบจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน และหลายคนก็เข้าร้านนวดจนเปรียบเหมือนบ้านหลังที่สองเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยการทำงานที่จำเป็นต้องอยู่ในท่วงท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน อย่าพูดถึงการออกกำลังกายเลย แต่มักจะไม่ได้ขยับร่างกายเลยด้วยซ้ำ ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นคอ บ่า ไหล่ และหลัง จนต้องพึ่งคลินิกหรือร้านนวดให้ช่วยกดจุดนวดคลายเส้น แต่ในขณะนวด คนที่เกิดอาการเจ็บปวด มักจะมีความสงสัยแต่ไม่กล้าถามว่า มันเป็นอาการเจ็บปวดที่ปกติหรือไม่ หากกดแล้วเจ็บ มันคือสัญญาณดี แปลว่าถูกจุดหรือไม่ หรือสำหรับบางคนอาจเกิดคำถามว่าทำไมหลังนวดเสร็จ ตื่นเช้าขึ้นมากลับรู้สึกปวดหรือเจ็บที่กล้ามเนื้อมากกว่าเดิม ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าศาสตร์ทุกศาสตร์มีข้อดีในตัวเอง และศาสตร์การนวดก็สามารถรักษากลุ่มอาการกล้ามเนื้อเส้นเอ็นได้จริง โดยการนวดจากแพทย์แผนไทย/แพทย์แผนไทยประยุกต์/ผู้เชี่ยวชาญอย่างนักกายภาพบำบัด เป็นต้น ถ้าเลือกการนวดรักษาโดยผู้ชำนาญการแล้ว ยังมีข้อสังเกตอะไรอีกบ้าง ที่เราจะสามารถรู้ได้ว่า กำลังได้รับการนวดที่ดีและถูกต้อง การนวดที่ดีคือคุณจะ ‘รู้สึกตึง’ ไม่ควร ‘รู้สึกเจ็บปวด’ เพราะอาการเจ็บคือสัญญาณที่ร่างกายบอกกับตัวเราว่าเนื้อเยื่อของร่างกายกำลังเกิดการบาดเจ็บอยู่ ถ้าเราไปนวดด้วยน้ำหนักพอเหมาะจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและสบายขึ้น เพราะแรงดึงของกล้ามเนื้อที่เกร็งคลายตัวออก แต่ถ้านวดแรงเกินไปอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ เมื่อมีอาการเจ็บเข้ามาแสดงว่ามีการอักเสบและกล้ามเนื้อฉีกขาดไม่ควรนวดต่อทั้งสิ้น ยกตัวอย่าง กล้ามเนื้อที่ฉีกขาดเปรียบเสมือนเวลาที่เราเป็นแผลโดนมีดบาด เราต้องเอามือห้ามเลือดไม่ใช่เอามือไปขยี้แผล และการนวดในจุดที่มีการอักเสบเป็นเหมือนการขยี้แผลให้เจ็บหนักมากขึ้นนั่นเอง ดังนั้น ในการรักษาอาการปวดเมื่อยไม่ว่าจะเป็นวิธีการนวดหรือการออกกำลังกายก็ตาม จะต้องใช้แรงที่เหมาะสม หากทำแล้วรู้สึกเจ็บเกินไปต้องเลี่ยง หรือทำไปสักพักแล้วเจ็บแสดงว่าสิ่งที่ทำมันหนักเกินไป ขณะเดียวกันหากตอนทำและหลังทำไม่เจ็บ แต่ตื่นขึ้นมารู้สึกเจ็บก็หมายความว่าการนวดหรือการออกกำลังกายเมื่อคืนเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้คุณบาดเจ็บนั่นเอง และยังมีอาการเจ็บ ที่ไม่ใช่อาการเจ็บจากการกดกล้ามเนื้อ เช่น รู้สึกเหมือนโดนหยิก/บิดเนื้อ แสบบริเวณผิว หรือมีอาการเจ็บปวดมากๆจากการกดลงไปบนกระดูก ถือว่าไม่ใช่อาการเจ็บตึงอย่างปกติทั้งสิ้น ปัญหาหลักที่สำคัญก็คือต่อให้คุณไปนวดแล้วดีขึ้น แต่กลไกการบาดเจ็บยังอยู่สุดท้ายคุณก็จะกลับมาปวดเมื่อยตามร่างกายอยู่ดี ดังนั้น การนวดหรือว่าเทคนิคการรักษาเพื่อลดการเจ็บหรือลดการเกร็งของกล้ามเนื้อยังไม่ใช่การแก้ปัญหาทั้งหมด ทางแก้ปัญหาที่แท้จริงคือคุณต้องกลับมาโฟกัสถึงกลไกที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บนั้น ๆ ซึ่งอาจจะมาจากท่าทางการนั่งทำงานของคุณ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณจะเสพติดการนวดมากแค่ไหนแต่ก็อย่าลืมที่จะหันมาใส่ใจกับต้นตอที่ทำให้คุณปวดเมื่อยร่างกาย เพราะเมื่อไหร่ที่คุณสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนั่งทำงาน การก้มมองจอโทรศัพท์มือถือนาน ๆ หรือการใช้ชีวิตประจำวันที่ก่อให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้นั้น คุณก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร้านนวด และไม่ต้องปวดเมื่อยร่างกายให้ทรมานเช่นทุกวันนี้ 𝗜𝘀 𝗠𝗮𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲 𝗠𝗲𝗮𝗻𝘁 𝘁𝗼 𝗛𝘂𝗿𝘁? Many of us who work in offices experience muscle tiredness almost every day. Sitting or standing in the same position for...
6 เคล็ดลับ หน้าสวย ย้อนวัยแบบ Organic ที่แพทย์เฉพาะทางอยากบอกคุณ
ใครบ้างไม่อยากหน้าอ่อนกว่าวัย แต่วิธีที่บรรดาผู้รักสวยรักงาม จะมีหน้าเรียวสวยผิวเต่งตึงได้ดั่งใจนั้น นอกจากจะมีวิธีทางการแพทย์ให้เลือกใช้มากมาย ทั้งโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือร้อยไหมแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะไม่เจ็บ ไม่มีแผล เรียกว่าสวยจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง นั่นคือ โยคะใบหน้า นั่นเอง โยคะ เป็นหนึ่งในวิธีออกกำลังกายที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าส่งผลดีต่อร่างกายของเรา ใบหน้าก็สามารถออกกำลังกายได้เช่นเดียวกัน โยคะใบหน้า หรือที่เรียกว่า Facial Yoga คือการออกกำลังกายกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเรา เพื่อให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นแข็งแรงและกลับมาเต่งตึงไม่ย่อนคล้อย ประโยชน์ของการทำโยคะหน้านั้นมีมากมาย เช่น ลดการเกิดริ้วรอย แก้ปัญหาร่องแก้ม กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณใบหน้า ดังนั้น จึงทำให้หน้าดูอ่อนกว่าวัย แต่การทำโยคะใบหน้าต้องเข้าใจหลักการถึงจะได้ผลดี เรามี 6 ข้อต้องรู้มาฝากทุกคน เพื่อทำความเข้าใจถึงหลักการทำงานของโยคะใบหน้าและการเลือกผู้ให้บริการ1. ปรับรูปหน้า ด้วยการบริหารมัดกล้ามเนื้อใบหน้าหรือโยคะใบหน้า คืออะไร การปรับรูปหน้าด้วยการบริหารมัดกล้ามเนื้อใบหน้า หรือโยคะใบหน้า หมายถึงการออกกำลังกายกล้ามเนื้อต่างๆบริเวณใบหน้าและคอด้วยเทคนิคเฉพาะเพื่อกระตุ้นเซลล์และกล้ามเนื้อเหล่านั้น เป็นเทคนิคการปรับรูปหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งมีส่วนช่วยให้กล้ามเนื้อยกกระชับ มีสัดส่วนที่ดีขึ้น อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ส่งผลให้รูปหน้าโดยรวมดูกระชับ เรียวเล็กแบบธรรมชาติ ดูอ่อนกว่าวัย และมีมิติที่ดีขึ้น หน้าเด็กแบบออร์แกนิค คลิก Facial Yoga 2. ใครควรเป็นผู้ทำการบริหารมัดกล้ามเนื้อ จริงอยู่ที่เราสามารถเรียนรู้ฝึกฝนวิธีการทำโยคะใบหน้าด้วยตนเองที่บ้านได้ แต่หากไม่สะดวก และอยากได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ต้องศึกษาให้ดี เพราะไม่ใช่ใครๆก็ทำได้ เพราะกล้ามเนื้อใบหน้า มีเยอะมากหลายชั้น ต้องแพทย์ทางเลือกผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์เท่านั้น การบริหารมัดกล้ามเนื้อใบหน้านั้น ควรทำโดยแพทย์ทางเลือกผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์ เนื่องจากใบหน้าของเรามีกล้ามเนื้อมากมาย แต่ละกล้ามเนื้อก็จะมีเทคนิคการบริหารแบบเฉพาะ ซึ่งการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อและผิวหน้า ทำให้รูปหน้าและผิวหน้าแย่ลงได้ อีกทั้งการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกัน เนื่องจากปัญหาสุขภาพกล้ามเนื้อและผิวหน้าของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน การออกแบบการบริหารให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลและการจัดตารางความถี่ในการบริหารจึงควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยสำหรับผู้เข้ารับบริการ เทคนิคลดอายุ คลิก Facial Yoga ดีท็อกซ์ผิวหน้า คลิก Facial Detox 3. นอกจากปรับรูปหน้า + กระชับแล้ว โยคะใบหน้ามีประโยชน์เกี่ยวกับความงามอย่างไรอีก ศาสตร์การออกกำลังกายใบหน้าวิธีเฉพาะนี้ ยังช่วยเรื่องเพิ่มการไหลเวียนเลือด ระบายน้ำเหลือง ชะล้างสารพิษ ช่วยให้ผิวพรรณดี ผิวใส ลดสิว นอกจากใบหน้าจะกระชับ เรียวเล็ก ดูอ่อนกว่าวัย และมีมิติที่ดีขึ้นแล้ว การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า หรือการโยคะใบหน้ายังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณใบหน้า ช่วยนำสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงผิวพรรณให้ดูมีสุขภาพดี สดใส และเปล่งปลั่ง ช่วยระบายน้ำเหลืองและของเสียออกจากกล้ามเนื้อและผิว ลดปัญหาบวมน้ำ ปัญหาเรื่องสิว และรอยหมองคล้ำได้...
ฝังเข็มหน้าใส ศาสตร์แห่งการลดเลือนริ้วรอยด้วยธรรมชาติบำบัด
"การฝังเข็มใบหน้า" อีกหนึ่งในเทรนด์ใหม่ของผู้ที่ต้องการย้อนวัย ปรับสมดุลผิวหน้าปราศจากการใช้สารเคมี ที่ฮิตจากการนำศาสตร์แพทย์แผนจีนมาประยุกต์ใช้ โดยฝังเข็มทั้บนใบหน้างหมด 16 จุดทั่วบริเวณใบหน้า
นวดแผนไทย VS กายภาพบำบัด: ความแตกต่างที่คุณควรรู้
ช่วงวันหยุดพักผ่อน ร่างกายต้องการเยียวยา หลายคนกำลังมองหาวิธีผ่อนคลายร่างกาย กล้ามเนื้อที่ตึงเครียด เเละอีกหลายคนคงมองหาการดูเเลในเชิงสุขภาพ ต่างมีคำถามเยอะมาก ในความเเตกต่างของ 2 วิธีผ่อนคลายระหว่าง “นวดไทย” เเละ “กายภาพบำบัด” นวดเเบบไหนดี วันนี้ B-healthy จะเล่าให้คุณรู้ชัด เลือกในเเบบที่เหมาะกับคุณ นวดแผนไทย คืออะไร? นวดเเผนไทย คือ ศาสตร์การแพทย์แผนโบราณของไทยที่สะท้อนกลิ่ไอของวัฒนธรรมตั้งเเต่ยุคสุโขทัย การนวดแผนไทยอาจมีหลายความเชื่อ แต่ศาสตร์การนวดแผนไทยเป็นการใช้เทคนิคการนวด กดจุด โดยใช้ มือ เท้า แขน ศอก เข่า และเท้าในการนวดตัว ขณะนวดผู้นวดจะกดจุด คลึง บีบ ดัด การดึง การอบ เเละ ประคบสมุนไพรกลิ่นหอม เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึงจากความเครียด เเละบำบัด เพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยต่างๆ ได้ ประโยชน์ของการนวดแผนไทย (Thai Massage) กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด กดจุด เพื่อให้เลือดมีออกซินเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย เเก้อาการปวดเมื่อย คลายกล้ามเนื้อที่ตึงให้คลายตัวลง เกิดความผ่อนคลายเเละปลอบประโลม ด้วยกลิ่นน้ำมันนวดจากสมุนไพร ลดอาการปวดศีรษะจากความเครียดและไมเกรน การวิจัยพบว่าผู้ที่นวดแผนไทย 9 ครั้งใน 3 สัปดาห์มีอาการปวดศีรษะลดลง ลดอาการปวดหัวจากความเครียด เเละไมเกรนได้ ซึ่งได้เคยได้รับการวิจัยว่าว่าผู้ที่ได้นวดแผนไทย 9 ครั้งใน 3 สัปดาห์ อาการปวดหัวลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัวอย่างรุนเเรง หรืออาการผิดปกติอื่นๆ เเนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรักษาด้วยการนวดแผนไทย การนวดแผนไทย วิธีนี้วัตถุประสงค์หลักๆเป็นการช่วยคลายกล้ามเนื้อ ด้วยการใช้เทคนิค กดจุด นวดคลึง และการเหยียดยืดกล้ามเนื้อ B-healthy เเนะนำให้คุณเช็คอาการ ถ้าหากเป็นเเบบนี้ เลือก นวดเเผนไทย เป็นวิธีนวดที่เหมาะกับคุณ ปวดเมื่อยจากการทำงานหรือกิจวัตรประจำวัน ต้องการผ่อนคลายจากความเครียด ต้องการฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกายหรือท่องเที่ยว มีอาการตึงหรือปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย การนวดเพื่อฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด วิธีนี้เป็นศาสตร์การเเพทย์เเผนไทยยอดนิยม ที่เรียกการรักษาเเบบนี้ว่า “อยู่ไฟ” แนะนำร้านนวดโดย B-Healthy คลิกที่นี่ กายภาพบำบัด คืออะไร? หลายคนคิดว่าการทำกายภาพบำบัดเหมาะสำหรับผู้สูงอายุเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วการทำกายภาพบำบัดสามารถทำได้ทุกช่วงอายุสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่ต้องการการฟื้นฟูร่างกาย...